ความเหมือนก็คือ ทั้ง Branding กับ Logo เป็นภาพจำของของ brand
ที่ทำให้คนรู้ว่า “อ๋อ สิ่งนี้ เจ้าของจากบริษัทนี้เป็นผู้ผลิตนะ”
โดย Logo จะมาในรูปแบบภาพ ชี้ว่า สิ่งนี้คืออะไร
มักมาในรูปแบบของ โทนสี แบบอักษรที่เป็นเอกลักษณ์
เช่น เมื่อเห็นขวดน้ำอัดลมสีดำที่มีอักษรสีแดงฟอนต์แบบนี้ เป็นของเจ้านี้
เมื่อนำมาจัดวางอยู่ในชั้นวางสินค้าใกล้กับแบรนด์อื่น
ลูกค้าก็สามารถชี้ได้ทันทีว่าแบรนด์ไหน เป็นแบรนด์ไหน
หรือพูดง่ายๆก็คือหากคุณทำ Branding ได้ดี ลูกค้าสามารถจะสามารถเปรียบเทียบได้ทันที ว่าถ้า brand แบรนด์นี้เป็น “คน” เค้าจะเป็น “ใคร ” เป็นผู้หญิงเป็นผู้ชาย อายุเท่าไหร่ ชอบทานอะไร แต่งตัวแนวไหน มีมุมมองต่อสังคม และ สิ่งแวดล้อมในทิศทางใด เช่น ถ้า Starbucks ร้านกาแฟจากอเมริกาในเมืองซีแอตเทิลในรัฐวอชิงตัน โดย กอร์ดอน โบว์เกอร์, เจอร์รี บัลด์วิน และเซฟ ซีเกิล เป็น “คน” เค้าจะเป็นคนวัยทำงาน มีการศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรีขึ้นไป ชอบนั่งทำงานร้านกาแฟ ใช้ iPad เป็นอุปกรณ์หลักในการทำงาน ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับแรก ดูฉลาดเฉลียวและน่าเชื่อถือ
และด้วยความที่ Branding เทียบเคียงได้ใกล้กับความเป็นมนุษย์
จึงง่ายกว่าที่จะทำให้ลูกค้าตกหลุมรัก ใช้แล้วดีก็จะช่วยบอกต่อ
ดังนั้นผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างธุรกิจให้ยั่งยืน
นอกจากเรื่องโลโก้สวยๆ ควรให้ความสำคัญกับการทำ Brandingในทุกมิติ
Ducky Pack Print แนะนำว่า ควรเน้นสร้าง Branding บนพื้นฐานของความ SUSTAINABLE
คือเริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้ เพื่อครองใจมหาชน
คือให้กับ PEOPLE ผู้คน PLANET สิ่งแวดล้อม และ PROFIT ความงอกเงย
บอกเล่าเรื่องราวและมุมมองความเป็น brand
ผ่านทุกๆแพ็คเกจจิ้ง ผ่านทุกคอนเทนท์
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เพิ่มคุณค่าให้สินค้า และบริการ สร้างความแตกต่างให้น่าจดจำ
เพราะมีจุดเด่น จุดขายชัด จึงขายง่าย ยอดพุ่ง